CCXR Trevita เป็นรถยนต์รุ่นสูงสุดในตระกูล ‘CCX’ ที่ผลิตขึ้นจำกัดเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็ตกไปอยู่ในมือของนักชกชื่อดังอย่าง ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ CCXR Trevita มีความพิเศษอยู่ที่ตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ซึ่งถูกทำขึ้นในรูปแบบสีขาวประกายเพชรแทนที่จะเป็นสีดำแบบทั่วไป ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,004 แรงม้า ตลอดระยะเวลาที่ทำตลาด รถยนต์ตระกูล CCX ถูกผลิตออกมาจำหน่ายเพียงแค่ 49 คันเท่านั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโมเดล Agera ในเวลาต่อมา
ขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 380 กม./ชม. ในบรรดารถยนต์ราคาแพงที่เพิ่งเปิดตัว Bugatti Divo ถือเป็นรถยนต์ที่มีดีไซน์สวยสุดตั้งแต่หัวจรดท้าย อีกทั้งยังมีหลายๆ สิ่งที่พิเศษมากกว่า Chiron รถยนต์ที่ใช้เป็นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งสามารถสร้างแรงกดอากาศ (Downforce) ได้มากกว่า Chiron ถึง 90 กิโลกรัม มีฝาครอบเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สปอยเลอร์หลังที่มีความกว้างกว่า Chiron ถึง 23% อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าถึง 35 กิโลกรัม
Exelero เปิดตัวคร้งแรกในปี 2004 ในรูปแบบ one-off หรือมีอยู่คันเดียวในโลก โดยรถคันนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ Mercedes-Maybach และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear ในเยอรมันร่วมกันพัฒนาเพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ภายใต้ฝากระโปรงติดตั้งเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร และท็อปสปีด 350 กม.ต่อชม.
ภายในเรียบหรูคล้ายกับนั่งอยู่ในเรือยอชต์ และทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ V12 ความจุ6.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สุดยอดอัครยานยนต์สั่งทำพิเศษแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง ที่ Rolls-Royce ใช้เวลาพัฒนามากกว่า 4 ปีคันนี้คือเจ้าของตำแหน่งรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในปี 2017 มาพร้อมการออกแบบที่เน้นความประณีตวิจิตรบรรจงตั้งแต่ กระจังหน้าทรงประตูวิหารแพนธีออนตี ตัดกับการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียม
La Voiture Noire มีความหมายในภาษาฝรั่งเศษว่า “รถยนต์สีดำ” ตัวรถถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของ Chiron และมีการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถคลาสสิคระดับตำนานอย่าง Type 57SC Atlantic พร้อมด้วยตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ทำขึ้นด้วยมือ และเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,500 แรงม้า แชมป์เก่าของปี 2020 ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 ปีนี้ แต่ด้วยราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จะยังคงทำให้ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษคันนี้ติดอยู่ในอันดับท็อปๆ ของรถยนต์ราคาแพงไปอีกหลายปีแน่นอน
ภายนอกตกแต่งไม่ซ้ำใครในแบบทูโทน มีไฟหน้าที่เป็นแบบเส้นหนาแนวนอน ส่วนท้ายรถใช้แผงไม้วีเนียร์ตกแต่งภายนอก และมาพร้อมตู้แช่เย็นสำหรับแชมเปญ ร่มกันแดดแบบบิ้วอิน โต๊ะด้านหลังตกแต่งด้วยไม้ Caleidolegno และเก้าอี้บาร์สูงที่ทำจากเส้นใยไฟเบอร์ ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบไฮเอนด์ ผสมผสานกับการใช้ไม้ตกแต่งบริเวณช่วงล่างและพื้นภายห้องโดยสารทั้งหมด ชวนให้นึกถึงโครงของลำเรือ พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสีมันวาว ไม้Caleidolegno และนาฬิกา BOVET 1822 หนึ่งเรือนบนแผงหน้าปัด เป็นต้น Rolls-Royce กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าของรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกได้อีกครั้งด้วย Boat Tail ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษที่มาพร้อมการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ชระดับ J Class
Porsche 718 Boxster T ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ PDK และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถทำความเร็วจาก 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.7 วินาที และยังมีระบบควบคุมการทรงตัวแบบสปอร์ต PASM Sport ติดตั้งเพิ่มเข้ามาให้อีกด้วย ดีไซน์ภายนอกและภายใน Porsche 718 Boxster T มาพร้อมความสปอร์ตที่ไม่ได้ลดลง แต่มีบางจุดที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กรอบกระจกมองข้างตกแต่งเป็นสีเทา ล้ออัลลอยสีเทาไทเทเนียมขนาด 20 นิ้ว ท่อไอเสียแบบคู่ทรงสปอร์ต ลวดลายข้างรถตกแต่งเป็นชื่อรุ่น Boxster T และหลังคาผ้าแบบ Soft Top รถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นเล็ก โดดเด่นในเรื่องน้ำหนักที่เบาลง Porsche 718 …
Mercedes Benz SL Roadster ใช้เครื่องยนต์ V6 biturbo ความจุ 3.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 367 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.9 วินาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ดีไซน์ภายใน Mercedes Benz SL Roadster ตกแต่งแบบรถสปอร์ตด้วยเบาะหนังแท้คุณภาพสูง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประดับเพิ่มเติมด้วยลวดลายไม้และอะลูมิเนียม พวงมาลัยไฟฟ้า ช่องเชื่อมต่อ USB หรือ AUX, ระบบเครื่องเสียงแบบ 2DIN ระบบนำทาง, หน้าปัดบอกระยะทางแบบมัลติทริป, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, หน้าปัดบอกระยะทางแบบดิจิทัล และกระจกมองหลังแบบตัดแสง รถเปิดประทุน Mercedes Benz SL …
Mini Cooper Convertible 2021 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 6.2 วินาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ดีไซน์ภายนอกและภายใน Mini Cooper Convertible 2021 รุ่นปรับโฉมใหม่ ใช้ไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ กระจังหน้าสีดำ ช่องดักอากาศลายตาข่ายขนาดใหญ่ตัดด้วยแถบเส้นสีแดงเพิ่มความโดดเด่น ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 17 นิ้ว ในรุ่นมาตรฐาน ส่วนขนาด 18 นิ้วจะมีในรุ่นท็อปเท่านั้น รถเปิดประทุนสัญชาติอังกฤษ ที่มาพร้อมกับไซซ์เล็กกะทัดรัดตามแบบฉบับของ …
MAZDA MX-5 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม เช่น ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (SCBS-R) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) รถเปิดประทุน Mazda MX-5 ที่ได้รับการออกแบบตามแนวคิด จินบะ อิไต (Jinba-Ittai) ที่ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ ขับขี่สนุก หลังคาเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า ไฟหน้าแบบ LED เส้นสายตัวรถหรูหราแบบเรียบง่าย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เพิ่มความสปอร์ต ดีไซน์ภายใน Mazda …